เรียนพระคัมภีร์กับพี่ซัน

5 สิ่งที่ต้องมี ถ้าอยากเป็นผู้นำแบบพระเยซู

2017-03-20

อยากจะเป็นผู้นำที่ดี? อยากจะเป็นผู้นำที่สร้างการเปลี่ยนแปลง?

ถ้าคำตอบของน้อง คือ “ใช่” ละก็… พี่ซันบอกเลยว่าน้องต้องอ่านบทความนี้ เพราะพี่ซันได้ดึงข้อคิด “ความเป็นผู้นำ” จากผู้นำคนหนึ่งที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก

- ชายหนุ่มไม่ธรรมดาคนนี้ ได้พลิกประวัติศาสตร์โลกผ่านการเป็น “ผู้นำ” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกเคยมี ผ่านนิมิต หัวใจ และการสร้างทีมงาน แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 2000 ปี ผู้คนก็ยังพูดถึงเขาอยู่ ชายผู้นี้คงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก “พระเยซู”

- การเรียนรู้ “ความเป็นผู้นำ” จากต้นแบบผู้นำที่ดีเลิศตลอดกาลอย่าง “พระเยซู” จึงเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในการรับใช้ทั้งในโบสถ์และในชีวิตการเป็นคริสเตียน

- โพสต์นี้ เราจะมาดู 5 สิ่งที่ต้องมี ถ้าน้องอยากเป็นผู้นำแบบ “พระเยซู”

1. หัวใจแห่งการรับใช้ผู้อื่น

- ถ้าเลือกข้อคิดในการเป็นผู้นำจากพระเยซูได้ข้อเดียว พี่ซันจะเลือกข้อนี้ครับ

- ตอนที่สาวกกำลังอยากจะเป็นผู้นำ พระเยซูได้ให้เคล็ดลับในการเป็นผู้นำ ไว้ว่า “จงรับใช้ผู้อื่น” (มธ.20:20-28)

- หลักการนำของพระองค์แตกต่างจากความคิดของคนทั่วไป บางคนอาจจะคิดว่าผู้นำต้องมีคนรับใช้ แต่พระเยซูพลิกมุมด้วยการให้ผู้นำเป็นผู้รับใช้คนอื่นต่างหาก

- ถ้าน้องมีบทบาทผู้นำที่พระเจ้ามอบไว้ให้ แต่น้องกลัวการเป็นผู้นำ อย่างแรกที่พี่ซันจะแนะนำ คือ “ขอหัวใจที่อยากจะรับใช้ผู้อื่น” ขอแค่น้องมีหัวใจแบบนี้ พี่ซันเชื่อว่าน้องก็สามารถเป็นผู้นำที่ดีได้แล้วครับ

2. เวลากับ “คนวงใน”

- บางคนคิดว่า ผู้นำต้องใช้เวลากับทุกๆ คน “เท่ากัน” แต่ที่จริงแล้ว พระเยซูไม่ได้ทำแบบนั้นครับ…

- แนวคิดเบื้องหลังของความคิดนี้ คือ กฎ 20/80 ครับ นั่นหมายถึง ผู้ตามเพียง 20% ก็สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงใหญ่ถึง 80% หน้าที่ของผู้นำที่ดีคือการหาผู้ตาม 20% นั้นให้เจอ แล้วใช้เวลากับพวกเขาซะ!

- ก่อนอื่น พระเยซูใช้เวลาในการเลือก “ทีมงาน 12 คน” ของพระองค์ และนอกจากนี้ พระเยซูยังเลือก “สาวกวงใน 3 คน” (ได้แก่ เปโตร ยากอบ ยอห์น) และใช้เวลากับพวกเขาอย่างเต็มที่!

- สิ่งนี้ทำให้พวกสาวก (ผู้ตาม 20%) ได้เรียนรู้ในแง่มุมของการรับใช้และการใช้ชีวิต กลายเป็นทีมงานที่มีทรงพลังและสร้างเขย่าวงการคริสเตียนกันเลยทีเดียว (ผลลัพธ์ 80%) หรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำ

- ดังนั้น ถ้าน้องต้องการจะนำให้ดีกว่าเดิม ลองเลือก “คนวงใน” จำนวนไม่ต้องมากมาย (20%) และใช้เวลากับพวกเขาอย่างเต็มที่ดู เพื่อให้พวกเขาไปสร้างการเปลี่ยนแปลง (80%)

3. การกระทำที่เป็นแบบอย่าง

- ถ้าน้องคิดว่า การเป็นผู้นำคือการชี้นิ้วสั่งแล้วไม่ต้องทำอะไรเลย พี่ซันขอบอกเลยน้องว่า “คิดผิด” ครับ!!

- ตลอดช่วงเวลารับใช้ 3 ปีของพระเยซู พระองค์ไม่ได้มีดีแต่คำพูดนะครับ แต่พระองค์ทำให้ดูด้วย น้องจะเห็นได้ว่า พระองค์ทั้งเทศนา รักษา ขับผี ประกาศ เสกปลา ตายที่กางเขน ฯลฯ

- Colin Powell (นักการเมืองอเมริกา) พูดไว้ว่า “ถ้าคุณสามารถประกาศมากมาย และพูดปลุกใจแบบที่ต้องการได้ แต่ถ้าคนที่เหลือไม่ได้เห็นว่า คุณพยายามอย่างสุดความสามารถอยู่ทุกวัน พวกเขาก็จะไม่ยอมทำเหมือนกัน”

- การกระทำเป็นแบบอย่างของผู้นำจึงเป็นการ “กระตุ้น” ให้ผู้ตามอยากจะทำตามเช่นกัน

- ภาพในการนำที่ทรงพลังที่สุดของพระเยซู ก็คงเป็นฉากที่พระองค์ “ล้างเท้า” ให้สาวก (ยน. 13:12-15) เพื่อวางการกระทำที่เป็นแบบอย่างให้แก่เหล่าสาวก

- ดังนั้น ถ้าน้องอยากจะนำให้ได้อย่างพระเยซู น้องจะแค่ชี้นิ้วสั่งอย่างเดียวไม่ได้ แต่สิ่งที่น้องต้องคือ ทำให้ผู้ตามเห็นเต็มๆ 2 ตาไปเลย!

4. กระจายอำนาจ

- ผู้นำบางคนชอบหวงอำนาจ เพราะกลัวว่า ถ้ามอบอำนาจให้ผู้ตามแล้ว ตัวผู้นำเองจะสูญเสียอำนาจ อย่างไรก็ดี พระเยซูพิสูจน์มาแล้วครับ ว่ามันไม่เป็นความจริง…

- พระเยซู “กระจายอำนาจ” ให้สาวกอย่างชัดเจน ด้วยการให้สิทธิอำนาจในการขับผีและรักษาโรค (ลก. 9:1-6)

- ลองคิดดูสิครับ ถ้าพระเยซูกั๊กพลังในการรักษาโรคไว้ที่ตัวเองคนเดียว จะเกิดไรขึ้น? ใครมีอะไรก็ต้องมาหาพระเยซูคนเดียวน่ะสิครับ! พันธกิจก็จะเดินช้า แถมสาวกก็คง “งอมืองอเท้า” รอแต่พระเยซูอีกด้วย

- นอกจากนี้ การกระจายอำนาจ ยังเป็นการทำให้สาวกต่างมี “การอุทิศตัว” (Commitment) เพิ่มขึ้น ในการติดตามพระเยซูอีกด้วย เพราะเขารู้สึกว่าพระเยซูไว้ใจในตัวเขา

- ดังนั้น อย่าลืมนะครับ!! น้องต้องกล้ากระจายอำนาจให้ผู้ตามด้วย แล้วพวกเขาจะอุทิศตัวในการรับใช้ร่วมกับน้องอย่างเต็มที่มากขึ้นแน่นอน!

5. สร้างผู้สืบทอด

- สมมติว่า พรุ่งนี้น้องต้องไปต่างประเทศอย่างกะทันหัน น้องว่ากลุ่มเซลล์ของน้องจะอยู่รอดไหมครับ? ถ้ากลุ่มเซลล์ต้องล่มเพราะการจากไปของน้อง แปลว่า น้องยังไม่ได้ “สร้างผู้สืบทอด” ครับ

- การสร้างผู้สืบทอด (Successor) นั้นไปไกลกว่าการกระจายอำนาจให้กับพวกเขาเพื่อออกไปทำพันธกิจอีกขั้นหนึ่งเลยนะ นั่นคือ การที่น้องสามารถส่งต่อวิสัยทัศน์ต่อไปได้เรื่อยๆ แม้ผู้นำคนแรกจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ตาม พันธกิจก็ยังดำเนินต่อไป

- คืองี้ พระเยซูมีเวลาแค่ 3 ปี จากนั้นพระองค์ก็ต้องกลับไปสวรรค์ จึงเป็นเรื่องจำเป็นมากที่ พระเยซูต้องมีผู้สืบทอด

- พระองค์จึงเริ่มพันธกิจของพระองค์ด้วยการสร้างทีมงาน 12 คน เพื่อถ่ายทอดวิสัยทัศน์ มอบหมายหน้าที่ และภาระใจในการทำพันธกิจต่อไป

- John C. Maxwell (กูรูภาวะผู้นำ) เขียนไว้ในหนังสือของเขาว่า “เป้าหมายในชีวิตไม่ใช่การมีชีวิตที่ยืนยาว แต่เป้าหมายในชีวิต คือการสร้างสรรค์สิ่งที่จะคงอยู่ตลอดไป” #หล่อเฟ่อ

- แม้พระเยซูไม่อยู่กับพวกเขาแล้ว ผู้ชายธรรมด๊าธรรมดาที่ไม่ธรรมดาเพียง 12 คน ก็ยังคงสามารถขับเคลื่อนพันธกิจของพระองค์ต่อไปได้ จนมาถึงพวกเราในวันนี้ 2000 ปีแล้วนะเหวย!

- ดังนั้น ถ้าน้องอยากให้กลุ่มเซลล์หรือพันธกิจของน้องคงอยู่ต่อไปอย่าลืม “สร้างผู้สืบทอด” ไว้ด้วยนะครับ :)