เรียนพระคัมภีร์กับพี่ซัน

คริสเตียนไม่ไปโบสถ์ได้ไหม?

2017-03-11

เบื่อโบสถ์แล้วอะ ไปทุกอาทิตย์ก็เหมือนๆ เดิม
ทำไมต้องไปโบสถ์ด้วย? อยู่บ้านก็พบพระเจ้าได้เหมือนกัน
ขี้เกียจไปโบสถ์ ขอนมัสการออนไลน์อยู่บ้านแทนได้มะ?

ถ้าน้องสงสัยแบบนี้ ได้เวลาเลื่อนนิ้วโลดดด

Highlights

- มีคริสเตียนไม่ถึงครึ่งในอเมริกาที่เข้าโบสถ์อย่างสม่ำเสมอ
- โบสถ์ไม่ใช่ตัวอาคาร แต่มันคือ “กลุ่มผู้เชื่อ” ต่างหาก
- ทำไมเราต้องไปโบสถ์ด้วย?

- “คือบั่บ ไม่ไปโบสถ์ได้ป้ะแกร?” คงจะเป็นคำถามเด็ด ที่เคยผุดขึ้นในใจของพวกเราบ้างใช่ไหมละครับ (แต่ถ้าผุดทุกวันอาทิตย์เลยนี่ สงสัยต้องอธิษฐานเผื่อแล้วละ 555)

- จากสถิติคริสเตียนในอเมริกามีคริสเตียนจำนวนน้อยกว่าครึ่ง หรือเพียง 40% เท่านั้นที่เข้าโบสถ์อย่างสม่ำเสมอ (สถิติปี 2013)

- ยุคดิจิตอลในปัจจุบันทำให้เราสามารถทำได้หลายอย่างเพียงเลื่อนนิ้วปื้ดๆ อยู่บนโซฟาที่บ้าน วัยรุ่นคริสเตียนเลยมีแนวโน้มที่จะไปโบสถ์กันน้อยลงและ “นมัสการพระเจ้าผ่านโลกออนไลน์” มากขึ้น

- น้องบางคนอาจจะไม่อยากไปโบสถ์ เพราะ รู้สึก…
…ไม่เป็นส่วนหนึ่งของโบสถ์
…เบื่อกับคำสอนที่จับต้องไม่ได้ของคริสตจักร
…ไปแล้วรู้สึกว่า ไม่ได้พบพระเจ้า
…ไม่เชื่อผู้นำ

- ต้องยอมรับว่าสาเหตุพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้วัยรุ่นหลายคนเริ่มเกิดคำถามในใจว่า แล้วอย่างงี้ขอ “ไม่ไปโบสถ์ได้ไหม?”

- ก่อนอื่น ขอเคลียร์คำว่า “โบสถ์” กันให้เข้าใจตรงกันก่อนนะ เวลาเราพูดถึงโบสถ์เนี่ย เราไม่ได้หมายถึง ตัวอาคารที่มีไม้กางเขน แต่ความหมายของโบสถ์ที่จริงคือ “กลุ่มผู้เชื่อ” ต่างหาก แค่ผู้เชื่อมารวมตัวกัน ไม่ว่าจะทีโบสถ์ โรงเรียน บ้าน นั่นก็เรียกว่าเป็น “โบสถ์” ได้แล้ว

- ทีนี้ เวลาน้องถามว่า ไม่ไปโบสถ์ได้มะ? มันจึงเป็นการถามอ้อมๆ ว่า ทำไมต้องเข้าร่วมกลุ่มผู้เชื่อด้วย?

- พี่ซันจะขอเสนอมุมมองตามพระคัมภีร์ต่อเรื่อง “การไปโบสถ์” โดยจะเป็นการตอบคำถามสำคัญ 2 ข้อ ตามนี้ครับ
1. “ไปโบสถ์” เพราะอะไร?
2. “ไม่ไปโบสถ์” ได้ไหม?
.
.
.

1. “ไปโบสถ์” เพราะอะไร?

1.1 เพราะ…เราถูกเรียกให้เป็น “ส่วนหนึ่ง” ของสังคม

- คืองี้ บางศาสนาจะสอนให้น้อง ปลีกตัวเองออกจากสังคม เพื่อจะพบทางธรรม (ปลีกวิเวก, เข้าป่า) แต่สำหรับคริสเตียนแล้ว เราไม่ใช่แบบนั้น

- พระเยซูไม่ได้อธิษฐานให้สาวกออกจากโลก แต่ให้เขาใช้ชีวิตอยู่ในโลกต่างหาก พร้อมทั้งกำชับให้คริสเตียนทุกคนเป็น “อันหนึ่งอันเดียวกัน” (ยน. 17)

- เราจึงถูกเรียกให้ “เป็นส่วนหนึ่งของโบสถ์” การใช้ชีวิตของคริสเตียนจึงอยู่กันเป็น “กลุ่ม” เสมอมา ตั้งแต่ในยุคแรกคริสเตียนสามัคคีธรรมร่วมกัน จนกลายเป็นวิถีชีวิตกันเลยทีเดียว (กจ. 2:43-47)

- ผู้เขียนฮีบรู เองก็มองเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ จึงย้ำว่า อย่าขาดการสามัคคีธรรม (ฮบ. 10:25) เพราะคนที่โบสถ์สามารถช่วยหนุนใจ ในยามจิตตก อกหัก รักตุ๊ด บลาๆ

1.2 เพราะ… เรามี “หน้าที่” ในการรับใช้ผู้อื่น

- สิ่งที่เราไม่สามารถทำได้ถ้าเราอยู่ที่บ้านคือ “การรับใช้ผู้อื่น” ท้ายที่สุด พระเจ้าเรียกให้เราแสดงความเชื่อของเราด้วย “การกระทำ”

- เราต่างได้รับของประทานที่แตกต่างกันเพื่อเสริมสร้างกัน ไม่ว่าจะเป็นการหนุนใจ (ฮบ. 3:13) การรับใช้ (กท. 5:13) การสั่งสอน (รม. 15:14) ให้เกียรติกัน (อฟ. 4:32)

- การไปโบสถ์จึงไม่ใช่ว่า “ไปวันนี้แล้วจะได้อะไร” แต่ทุกครั้งที่น้องเดินเข้าโบสถ์ ให้คิดว่า “ไปวันนี้จะให้อะไร” :)

- โอเค หลังจากรู้ทั้งหมดนี้แล้ว เรากลับมาที่หัวข้อหลักกันดีกว่า
.
.
.

2.“ไม่ไปโบสถ์” ได้ไหม?

- “การไม่ไปโบสถ์ อาจไม่ทำให้น้องตกนรก แต่มันก็ไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้าเช่นกัน”

- ถ้าน้องไม่ไปโบสถ์ ไม่เป็นส่วนหนึ่งของสังคม ไม่รับใช้คนอื่นเลย พี่ซันเชื่อว่า นี่คงไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าต้องการแน่นอน

- ในด้านตรงข้าม ถ้าน้องต้องขาดโบสถ์บ้าง แต่ยังเข้าร่วมกลุ่มเซลล์สม่ำเสมอ รับใช้ผู้อื่นไม่ขาด พี่ซันมองว่าแบบนี้ไม่มีน่าจะปัญหานะครับ

- ส่วนการนมัสการออนไลน์นั้น อาจทำให้เราได้ร่วมนมัสการก็จริง แต่มันไม่ได้ทำให้เรา “เป็นส่วนหนึ่งของสังคม” และ พลาดโอกาสในการ “รับใช้ผู้อื่น” พี่ซันจึงไม่เห็นด้วย กับการนั่งนมัสการออนไลน์ไปเรื่อยๆ

- แต่ถ้าเราไม่สามารถไปโบสถ์เพราะเหตุสุดวิสัย (เช่น ไม่สบาย ไปต่างจังหวัด ติดงานด่วนที่สำคัญมากจริงๆ) การนมัสการออนไลน์ก็จะเป็นอีกทางเลือกที่ดีมากครับ ^.^

- สรุปว่า ไม่ไปโบสถ์ได้ไหม? ก็ถ้าการไม่ไปโบสถ์ ทำให้น้องไม่มีสังคมผู้เชื่อเลย และไม่ได้รับใช้ผู้อื่น พี่ซันว่าแบบนี้ ไม่ได้!! ยังไงก็ลอง ถามใจเธอดู ;)
.
.
.

สรุป

- โบสถ์ไม่ใช่ “ตัวอาคารที่มีไม้กางเขน” แต่มันคือคือ “กลุ่มผู้เชื่อ”
- คริสเตียนไปโบสถ์เพราะ
1. ถูกเรียกให้เป็นส่วนหนึ่งของสังคม
2. มีหน้าที่รับใช้ผู้อื่น
- ถ้าการไม่ไปโบสถ์ ทำให้น้องไม่มีสังคมผู้เชื่อ และไม่ได้รับใช้ผู้อื่น พี่ซันว่าแบบนี้ ไม่ได้!