- คืองี้ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศกร้าวถอนสหรัฐออกจาก “ข้อตกลงปารีส” (ลดภาวะโลกร้อน)

- สหรัฐจึงไม่ต้องลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว พร้อมเดินหน้าธุรกิจถ่านหิน และหยุดส่งเงินสนับสนุนให้ Green Climate Fund (กองทุนลดโลกร้อนของ UN) #อเมริกาต้องมาก่อน

- คริสเตียน Conservative ตัวพ่ออย่าง Erick Erickson ก็รีบออกมาทวีตสนับสนุนว่า “เราเป็นผู้อารักขาโลก แต่ไม่ได้แปลว่าเราต้องแคร์โลกร้อน”

- จริงหรอฟระ? ที่คริสเตียนทำโลกร้อนแบบนี้ก็ได้ด้วย?
.
.
.
- ไม่จริง!! มีเหตุผลอย่างน้อย 2 ข้อด้วยกัน ที่คริสเตียนไม่ควรทรัมป์โลกร้อน

1.มนุษย์มีหน้าที่ดูแลโลก

- หน้าที่แรกที่พระเจ้าให้กับมนุษย์ คือ ให้ปกครองแผ่นดินกับสัตว์ต่างๆ (ปฐก 1:26-28) และให้ดูแลรักษาสวนเอเดน (ปฐก 2:15)

- จึงอาจพูดได้ว่า การปกครอง+ดูแล สภาพนิเวศของโลกใบนี้ เป็นหน้าที่ของเรา เราไม่ใช่เจ้าโลกที่จะใช้ทรัพยากรได้ตามใจชอบ (พระเจ้าคือเจ้าของโลกนี้ต่างหาก สดด 24:1)

- การเป็นผู้อารักขาโลกนี้ เราจึงควรแคร์เรื่องผลกระทบจากภาวะโลกร้อนให้มากๆ (เช่น สัตว์น้ำตาย ปะการังฟอกขาว พืชผลเสียหาย เป็นต้น)

.
.
.
=== 2.การรักษ์โลกสะท้อนว่ารักเพื่อนบ้าน ===

- เมื่อเราไม่แคร์ว่า โลกจะร้อนแค่ไหน = เราไม่ได้แคร์ว่าคนรุ่นถัดไปจะใช้ชีวิตยังไง หรือ คนที่โดนผลกระทบจากภาวะโลกร้อนจะเป็นยังไง

- เมื่อปากเราบอกว่ารักเพื่อนบ้าน แต่เราไม่คิดจะหยุดยั้งความทรมานของคนที่ต้องเจอ น้ำท่วม อากาศร้อนจัด สภาพอาการแปรปรวน ปริมาณอาหารลดลง เราจะพูดได้ยังไงว่าเรารักพวกเขา (1 ยน. 3:18)

- การประชุมคริสเตียนสาย evangelical ระดับโลก (Lausanne) จึงสนับสนุนให้คริสเตียนร่วมไปกับ “ข้อตกลงปารีส” เพราะมันสะท้อนว่าเราแคร์เพื่อนบ้านของเรา
.
.
.

- แน่นอน เราเองก็ไม่ควรสุดโต่งว่า เราจะต้องปกป้องโลกนี้จากความพังให้ได้ (เราไม่ใช่ Wonder Women) เพราะว่าวันหนึ่งมันก็ต้องพังแหละ แต่ท่าทีของผู้อารักขาโลกที่ดี ก็เป็นสิ่งที่คริสเตียนควรมีนาจา

- มันจึงเป็นหน้าที่ของคริสเตียนทุกคนที่จะต้อง “Make our planet great again!”