เรียนพระคัมภีร์กับพี่ซัน

ขนมปังมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน? สรุปทุกสายเกี่ยวกับพิธีมหาสนิทที่คุณต้องรู้

2018-03-17

อ่านให้จบ แล้วลองตอบดูว่า
โบสถ์น้องเชื่อสายไหน

Highlights

- คริสเตียนแตกแยกกัน เพราะ ตกลงกันเรื่องมหาสนิทกันไม่ได้?
- ถ้าขนมปังและเหล้าองุ่น เปลี่ยนเป็นเลือดเนื้อพระเยซูจริง แล้วมันเปลี่ยนไปตอนไหน?

“นี่เป็นกายของเรา”

- แค่ประโยคสั้นๆ นี้ประโยคเดียวของพระเยซู ก็ทำให้คริสเตียนรุ่นใหญ่ทะเลาะกันใหญ่โต จนแตกเป็นหลายฝ่าย หลายคณะ

- เพราะต้องมานั่งคุยกันว่า ตกลงพระเยซูหมายถึง ขนมปังนี่เป็นกายของพระองค์จริงๆ หรือแค่ขำๆ

- บ้างก็เชื่อว่ามันคือกายพระเยซูจริงๆ บ้างก็เชื่อว่าแค่เป็นสัญลักษณ์ บ้างก็กินเอาอร่อย #หื้มมมม

- บทความนี้ พี่ซันจึงจะมาพูดถึง 4 สายเกี่ยวกับพิธีมหาสนิท ว่ามีใครเชื่อแบบไหนบ้าง?
.
.
.
=== 1. ทฤษฎีการแปรสาร (Transubstantiation) ===

- สายนี้ขอบอกเลยว่า ขนมปังและเหล้าองุ่นที่เรากิน มันเป็นเลือดเนื้อของพระเยซูจริงๆ นะ

- ด้วยกระบวนการมหัศจรรย์บางอย่างทำให้สสารข้างใน เปลี่ยนเป็นเลือดเนื้อของพระเยซูจริงๆ (ในขณะที่รสชาติ และลักษณะข้างนอกดูเหมือนเดิม)

- โดยทฤษฎีนี้ ยึดประโยคตามตัวอักษรที่ว่า “นี่คือกาย/โลหิต ของเรา” (มธ. 26:26, 28 /มก. 14:22,24 /ลก. 22:19,20 /1 คร. 11:24)

- หลายคนเลยสงสัยว่า อ่าวเห้ย แล้วมันเปลี่ยนตอนไหน? มันทำมาจากแป้งชัดๆ ไม่ใช่ร่างกายพระเยซูซะหน่อย

- เรื่องมันเป็นแบบนี้ ฝั่งคาทอลิกเชื่อว่า ภายในพิธี เมื่อบาทหลวงได้ทำการเสก (Blessed) หรืออธิษฐานขอพรสำหรับขนมปังและเหล้าองุ่นแล้ว แต่น แต๊น แต้น … สสารของขนมปังและเหล้าองุ่นก็กลายเป็นเลือดเนื้อพระเยซูฉับพลัน

- ในขณะที่ ฝั่งออโธดอกซ์ ไม่ได้อธิบายว่าความมหัศจรรย์นี้เกิดขึ้นได้ยังไง รู้แต่ว่ามันน่าจะเป็นพลังเหนือธรรมชาติ (Mystery)

.
.
.
=== 2. ทฤษฎีการร่วมสาร (Consubstantiation) ===

- สายนี้เสนอว่า ขนมปังไม่ได้เปลี่ยนสสารข้างในหรอก แต่เป็นการ “เพิ่ม” เข้ามาต่างหาก (ไอเดียนี้ถูกเสนอโดย มาร์ติน ลูเธอร์)

- ถ้าเอาประโยคของลูเธอร์แบบเป๊ะๆ ก็คือ “IN and WITH and UNDER it” #ขอบคุณที่ทำให้งงกว่าเดิม

- พูดง่ายๆ ก็คือ เนื้อพระเยซูไปอยู่ตรงขนมปังจริงๆ โดยไปอยู่ตรงข้างใน (in) รอบๆ (with) และข้างใต้ (under)

- ลูเธอร์ให้ภาพเปรียบเทียบว่า เหมือนเราเอาท่อนเหล็กไปเผาไฟ มันจะกลายเป็นท่อนเหล็กร้อนแรง แต่ความร้อนกับเหล็กก็ยังแยกจากกันอยู่ดี

- ก็คือ ขนมปังกับเนื้อพระเยซูอยู่ด้วยกันแล้ว แต่ก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน

- ถ้าถามว่า การเพิ่มท๊อปปิ้งเนื้อพระเยซูเข้ามาที่ขนมปังนี้ เกิดขึ้นได้ยังไง? สายนี้ก็จะบอกว่า มันเป็นพลังของพระเยซูไง
.
.
.
=== 3. ทฤษฎีการจดจำรำลึก (Memorial View) ===

- สายนี้จะบอกว่า สิ่งที่พระเยซูพูดนั้นเป็นแค่ “สัญลักษณ์” เท่านั้นเอง

- พิธีมหาสนิท เป็นการคิดถึงการตายของพระเยซูเท่านั้น ไม่ได้เป็นเลือดเนื้อจริงๆ ซักหน่อย (ยน. 6:63)

- โดยทฏษฎีนี้ยึดประโยคที่ว่า “จงทำอย่างนี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเรา” ไว้เป็นหลัก (ลก. 22:19)

- ไอเดียนี้นำเสนอโดย คนชื่อ สวิงลี่ ซึ่งทะเลาะทุบโต๊ะกับ ลูเธอร์ จนทำให้คริสเตียนต้องแตกคณะนิกายแบบหมอไม่รับเย็บ
.
.
.
=== 4. ทฤษฎีการปรากฏฝ่ายวิญญาณ (Spiritual Presence) ===

- สายนี้เชื่อว่า พระเยซูไม่ได้มาปรากฎในแง่ “กายภาพ” แต่มาด้าน “วิญญาณ”

- โดยคนชื่อ จอห์น คาลวิน (นักศาสนศาสตร์ตัวพ่อ) พยายามคิดทฤษฎีที่อยู่เป็นกลาง ระหว่างทฤษฎี 2 กับ 3 เพื่อความสมานฉันท์ จึงเกิดเป็นไอเดียนี้ขึ้นมา

- แม้มันจะดูใกล้เคียงกับ Memrorial View (ทฤษฎีที่ 3) แต่เพิ่มเติมคือ มันไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ การที่เรากินขนมปังนั้น เป็นการกินร่วมกับวิญญาณของพระเยซูจริงๆ (ไม่ใช่แค่คิดถึง) และร่วมกับผู้เชื่อทั้งหมดในโลกใบนี้

- ซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่กับเรา เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้พิธีมหาสนิทนี้มีความหมายลึกซึ้ง
.
.
.
- โบสถ์น้องเชื่อสายไหนกันบ้าง? คอมเม้นเล่าให้ฟังหน่อยเร้ว

สรุป

- ขนมปังในพิธีมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน? มี 4 ทฤษฎี
1. ทฤษฎีการแปรสาร (Transubstantiation)
2. ทฤษฎีการร่วมสาร (Consubstantiation)
3. ทฤษฎีการจดจำรำลึก (Memorial View)
4. ทฤษฎีการปรากฏฝ่ายวิญญาณ (Spiritual Presence)

References

1.
http://christianityinview.com/eucharist.html

2.
http://www.twoagespilgrims.com/pasigucrc/2012/05/03/four-views-of-the-lords-supper/

3.
https://en.wikipedia.org/wiki/Real_presence_of_Christ_in_the_Eucharist